เดอะ แพลตฟอร์ม 2 The Platform 2 (2024) เป็นภาคต่อของภาพยนตร์สยองขวัญไซไฟชนชาติประเทศสเปนเรื่อง “The Platform” (2019) เหมือนกันกับภาคแรก เกมนี้จะนำคุณไปสู่โลกดิสโทเปียอันมืดสนิทซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ระบบคุกแนวดิ่งที่ผู้ต้องขังถูกบังคับให้ต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดในระหว่างที่ของกินถูกลำเลียงจากข้างบนลงมาด้านล่าง
ธีมและก็บรรยากาศ: ภาคต่อยังคงจะตรวจธีมของความลำเอียงทางชนชั้น การเสื่อมสภาพด้านศีลธรรม แล้วก็การดำรงชีวิตของผู้เข้มแข็งที่สุดในลักษณะที่เข้มข้นเพิ่มขึ้น โดยขยายความจากโลกที่เสนอแนะในรูปภาพยนตร์เรื่องแรก โดยย้ำที่ผลพวงด้านจิตวิทยาของระบบเยอะขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศยังคงอึดอัดแล้วก็น่าหวาดเสียว ล่อใจผู้ชมให้ดำตรงลงไปในคุกเชิงเทียบนี้เยอะขึ้นเรื่อยๆ
เดอะ แพลตฟอร์ม 2 The Platform 2 (2024)
การพัฒนานักแสดง: นักแสดงใน “The Platform 2” มีเรื่องมีราวราวเบื้องหน้าเบื้องหลังรวมทั้งแรงกระตุ้นที่ลึกซึ้งกว่าเมื่อเทียบกับภาคแรก การชี้แนะผู้ต้องขังใหม่แล้วก็การต่อสู้ทางด้านศีลธรรมของพวกเขาเพิ่มความสลับซับซ้อน ทำให้มีความลึกทางอารมณ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ดี นักวิพากษ์วิจารณ์บางบุคคลมีความคิดว่านักแสดงบางตัวขาดการพัฒนา และก็โดยมากชอบถูกใช้เพื่อสร้างโทนที่เศร้าใจของเรื่องราว
ภาพและก็การถ่ายรูป: ในด้านภาพ ภาคต่อนั้นเด่นมากมาย โดยยังคงใช้การออกแบบฉากแบบเรียบง่ายที่ย้ำถึงความหนาวเย็นแล้วก็ไร้อารมณ์ของคุก กลไกของแพลตฟอร์มซึ่งเป็นศูนย์กลางของภาพยนตร์อีกที ถูกแสดงออกมาในแบบที่ไม่น่าสนใจแล้วก็ประดิษฐ์เพิ่มขึ้น
เรื่องราวแล้วก็จังหวะ: จังหวะนั้นเข้มข้นแม้กระนั้นบางเวลาก็ไม่บ่อยนัก บางบุคคลมีความรู้สึกว่าภาคต่อมานะทำมากจนเกินไป โดยส่วนประกอบการเล่าเรื่องบางสิ่งบางอย่างมองฝ่าฝืนหรือซ้ำซากจำเจ อย่างไรก็แล้วแต่ สำหรับแฟนคลับของภาคแรก การกลับผันใหม่ๆในเรื่องราวก็สร้างความระทึกใจพอเพียงที่จะดึงความพึงพอใจของพวกเขาไว้ได้ ความก้าวหน้าของเรื่องราวที่ก่อให้เกิดความประพฤติของผู้คนสุดขั้วยังคงเป็นจุดยั่วยวนใจหลัก
การวิพากษ์สังคม: เหมือนกันกับภาพยนตร์เรื่องแรก เดอะ แพลตฟอร์ม 2 The Platform 2 (2024) วิภาควิจารณ์สังคมแล้วก็การบ้านการเมืองอย่างกล้าหาญเกี่ยวกับระบบทุนนิยม ลำดับขั้นทางด้านสังคม แล้วก็การเสียสละด้านศีลธรรม นักวิพากษ์วิจารณ์บางบุคคลสรรเสริญภาพยนตร์หัวข้อนี้ที่ตั้งปัญหาเชิงติชม ในระหว่างที่บางบุคคลมีความรู้สึกว่าเนื้อความนั้นหนักเกินความจำเป็น
นำแสดงโดย
- มิเลนา สมิต (Milena Smit)
- โฮวิค เคิชเคเรียน (Hovik Keuchkerian)
- Natalia Tena
- Oscar Jaenada
โดยรวมแล้ว “The Platform 2”
ยังคงรักษาโทนที่มืดมนและก็ปรัชญาของภาคก่อนไว้ได้ แม้กระนั้นยังคงยึดแนวความคิดหลักเอาไว้ ถึงแม้ว่าบางมุมมองของนักแสดงและก็เรื่องราวบางทีอาจมองขาดๆเกินๆสำหรับผู้ชมบางบุคคล แฟนของภาคแรกคงจะถูกใจภาคต่อนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขาถูกใจภาพยนตร์สยองขวัญที่ท้าจิตใจรวมทั้งมีการวิภาควิจารณ์สังคมอย่างหนัก
เดอะ แพลตฟอร์ม 2 The Platform 2 (2024) เล่าราวภายหลังหัวหน้าลึกลับได้วางระเบียบในตารางแนวดิ่งอันหฤโหด เวลานี้ได้เปิดต้อนรับแขกคนใหม่ ที่พวกเขาได้เริ่มเปิดตัวต่อสู้รวมทั้งดิ้นรนสำหรับเพื่อการล้มล้าระบบจ่ายแจกของกินที่ชักชวนสงสัยและก็น่าชิงชังในเป็นตำนาน ที่เปลี่ยนเป็นการเผชิญหน้ากับข้อจำกัดของคนเราทุกคน
“กัลเดร์ กัซเตลู-อูร์รูเตีย” ผู้กำกับจากหนังต้นฉบับยังคงกลับมารับหน้าที่เดิมของเขาอีกรอบ ซึ่งเขาก็รู้ว่าควรจะทำยังไงรวมทั้งจัดแจงยังไง แน่ๆว่าเขาสามารถจัดการกับทุกเหตุการณ์ที่สืบต่อมาจากที่ได้สร้างเอาไว้เมื่อ 4 ปีกลาย งานสร้างยังคงจัดจ้าสำหรับเพื่อการปกคลุมโทนบรรยากาศที่ความอึดอัดที่เกิดขึ้นในหนังชุดนี้เอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม และก็รักษามาตรฐานเอาไว้ได้อย่างมุ่งมั่น 4ballenasdelapedrera
แต่ว่าโชคร้ายตรงที่ The Platform 2
ได้ทำเสน่ห์ยาแฝดเลือนรางไปในภาคนี้ บทหนังที่ยังคงได้ “เดวิด เดอโซลา” กลับมาปลุกปั้นเรื่องอีกรอบ โดยที่ กัลเดร์ กัซเตลู-อูร์รูเตีย ก็ยังกระโดดลงมาร่วมเขียนบทหนังประเด็นนี้ด้วย เปลี่ยนเป็นว่าความมั่นคงรุ่งเรืองในบทหนังแบบที่ภาคแรกเคยทำเอาไว้ได้ เกือบจะไม่ปรากฏมองเห็นอีกเลยในภาคที่ 2 นี้ ประหนึ่งว่าหนังออกจะจบลงอย่างสมบูรณ์ไปแล้ว ภาคนี้ก็แค่มาเติมเต็มในลักษณะที่มิได้ช่วยขยายองค์ประกอบเดิมเท่าไรนัก
ในด้านการเล่าเรื่อง The Platform 2 บางครั้งก็อาจจะบากบั่นกระตุ้นเร้าสร้างอารมณ์ความวิตกกังวลและก็กลัวให้กับผู้ชมครั้งละเรื่อยแม้กระนั้นก็ยังไม่ใช่การตอบปัญหาที่หนักแน่นได้สักเท่าไหร่ เนื่องจากว่าแกนของเรื่องที่ยังค่อนข้างจะงงงวยและไม่มั่นคง ทั้งเกือบจะมิได้ตั้งใจสิ่งที่หนังภาคแรกได้ตบท้ายเอาไว้เป็นปัญหาด้วย ถึงแม้ว่ามันยังคงอัดแน่นไปด้วยเส้นเรื่องที่สะท้อนและก็เสียดสีสำหรับการการบ้านการเมืองการปกครองรวมทั้งความเลื่อมล้ำทางสังคม
ลักษณะเด่น
- แอบแฝงรวมทั้งวิพากษ์หัวข้อสังคมเกี่ยวกับแนวความคิดการปกครอง และก็ตั้งข้อซักถามกับมนุษยธรรมได้ลึกและก็น่าพิจารณาตาม
- มิติของนักแสดงที่จำเป็นต้องใช้เวลาปะติดปะต่อผ่านเรื่องราวเยอะพอควร แต่ว่าถ้าหากจับทางได้จะเข้าดวงใจ
- งานโปรดักชันโดยรวมยังคงทำออกมาได้เริ่ดเท่ากันภาคแรก การออกแบบงานสร้าง แสงสว่าง เคล็ดลับพิเศษยอดเยี่ยม มี CGI แอบหลุดบ้างแม้กระนั้นก็นับว่าน้อย
ถ้าหากยังจำกันได้ ในหนัง The Platform ภาคแรก กล่าวถึงเรื่องราวของคุกแห่งหนึ่งที่มีลักษณะเป็นอาคารแนวตั้งแล้วก็มีความสูงมากยิ่งกว่า 100 ชั้น ซึ่งในแต่ละชั้นจะมีนักโทษอาศัยอยู่ 2 คน ฟังดูเหมือนจะไม่มีอะไร แม้กระนั้นความแตกต่างของตารางที่นี้เป็นเรื่องของกิน โน่นเป็นของกินที่ยอดเยี่ยมจะอยู่ข้างบนสุดรวมทั้งเบาๆลดลงลงไป รวมทั้งกว่ากำลังจะถึงด้านล่างสุดของกินก็แทบไม่เหลืออะไรให้รับประทานแล้ว ซ้ำร้ายยิ่งไปกว่านั้นยังมีการเวียนชั้นที่พักที่อาศัย ซึ่งบางวันตื่นมาบางครั้งก็อาจจะไม่อยู่ที่ชั้นเดิมอีก ชายคนหนึ่งก็เลยพากเพียรหาทางเปลี่ยนเพื่อสร้างความทัดเทียมให้กับทุกคน
หนังเรือนจำแนวดิ่งภาคต่อที่ทำมาเพื่อเติมเต็มนิดหน่อยที่ภาคแรกมิได้เฉลยคำตอบไว้ โดยยิ่งไปกว่านั้นตอนสุดท้ายที่ต่อกันสนิท แม้กระนั้นก็อย่าหวังว่าหนังจะเฉลยคำตอบอะไรหมดเพราะเหตุว่ายังเต็มไปด้วยปัญหาผ่านสัญญะหลายชนิดอย่างเดิม มีการใช้แนวความคิดระบอบคอมมิวนิสต์เข้ามาในครึ่งแรกเพื่อสร้างความมีชีวิตรอดแบบเสมอภาค แต่ว่าก็มีปัญหาสะดุดหลายสิ่งหลายอย่างจากแบบกฏที่เอาจริงเอาจังจนกระทั่งแทบจะคลั่ง ก่อนที่จะช่วงหลังกลายเป็นลัทธิเสรีนิยมอิสระทางความนึกคิดและก็ความประพฤติ ซึ่งก็ทำให้หนังย้อนกลับไปหนทางภาคแรกอย่างตั้งใจ ซึ่งในที่สุดแล้วผู้ชมที่ยังสับสนอยู่เน็ตฟลิกซ์ก็ชี้แนะให้กลับไปดูภาคแรกซ้ำอีกครั้งเลยนะครับ แต่ว่าถ้าเกิดคนใดกันแน่ปวดศรีษะกับการแปลความสัญญะต่างๆในเรื่องก็ผ่านเลยดีมากยิ่งกว่านะครับ
ทางด้านการแสดงที่ถึงแม้ส่วนมากจะได้แก่การใช้กลุ่มผู้แสดงชุดใหม่ทั้งสิ้น
รวมทั้งไม่ใช่ดาราที่เคยชินรวมทั้งเคยได้เห็นการแสดงของพวกเขามาก่อน แม้กระนั้นก็จัดว่าแต่ละคนสามารถถ่ายทอดหน้าที่ของตนออกมาใช้ได้ “มาลินา ชมิต” เป็นหญิงแข็งที่นำโรงปฏิบัติหน้าที่หามทั้งยังเรื่องเอาไว้บนบ่าเล็กๆของคุณ บทของคุณออกจะเต็มไปด้วยมิติ แม้กระนั้นยังมิได้รับการชี้แจงที่ชัดเจนเท่าไรนัก รวมทั้งคุณก็ทำออกมาเจริญ เหมือนกันกับ “โฮวิก ปะทุชเคอเรียน” หรือ “ท้องนาตาเลีย เทท้องนา” เป็นส่วนเสริมการแสดง ที่โชคร้ายที่ยังไม่มีอะไรให้จำนัก
The Platform เป็นหนังที่มีบรรยากาศแบบโลกดิสโทเปียในนิยายไซไฟ
จากบทของ เดวิด เดโซลา รวมทั้ง เปโดร ริเวโร่ แม้กระนั้นเวลาเดียวกันก็เชิญให้ระลึกถึงบทละครแนวแอบเสิร์ดเรื่องจำเป็นอย่าง รอโกโดต์ หรือ Waiting for Godot(1953) ผลงานของ ซามูเอล บัคเก็ตต์ ผู้เขียนชาวไอร์แลนด์ ที่ว่าด้วยนักแสดงสองผู้ที่คอยอะไรบางอย่างอยู่ทุกๆวัน โดยที่ไม่รู้จักด้วยว่าการคอยดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นจะสำเร็จลัพธ์ตามที่หวังไว้ไหม สะท้อนภาวะอันเล็กจ้อยของผู้คนได้อย่างดีเยี่ยม รวมทั้งมีความนัยยะทางศาสนาอยู่ในเรื่อง
เหมือนกับกับหนังประเด็นนี้ที่ขยายเรื่องราวจากรายละเอียดนั้นออกไป การตั้งชื่อนักแสดงแบบคนรุ่นก่อน มีการแย้งกันเรื่องความศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า เทคโนโลยีแปลกของตัวหอสังเกตการณ์ที่ไม่มีการชี้แจง ก็เชิญชวนให้พวกเรานึกว่ามันเกิดเรื่องที่พ้นไปจากเทคโนโลยีนำสมัยได้เช่นเดียวกัน พร้อมๆกับการที่มีหญิงสาวบ้าคนหนึ่งออกตามหาเด็กที่กล่าวถึงว่าเป็นลูกของตัวเอง ก็ยิ่งเชิญนึกถึงการตามหาผู้เปลี่ยน หรือผู้รับสารจากพระผู้เป็นเจ้าได้ด้วยเหมือนกัน
บทวิเคราะห์ภาพยนตร์เรื่อง “The Platform 2” (2024) ต่อ:
ความลุ่มลึกเชิงปรัชญา: ภาพยนตร์หัวข้อนี้ยังคงรักษาลักษณะเชิงเทียบเอาไว้ โดยตรวจสอบปัญหาเกี่ยวกับการดำรงชีพบริเวณการเอาชีวิตรอด ศีลธรรมของการดูแลและรักษาตัวเอง รวมทั้งการล่มสลายของจริยธรรมภายใต้ข้อตกลงที่ร้ายแรง อุปมาอุปไมยของคุกแนวดิ่งยังคงทรงอำนาจ โดยเป็นเครื่องหมายของอีกทั้งส่วนประกอบด้านสังคมรวมทั้งแนวโน้มของผู้คนสำหรับในการสืบหาผลดีจากทรัพยากรจนกระทั่งล่มสลาย การอภิปรายเชิงปรัชญาที่ลึกซึ้งเพิ่มขึ้นของภาพยนตร์ประเด็นนี้มักทำให้เกิดความนึกคิดเกี่ยวกับการโต้ตอบของมนุษยชาติต่ออำนาจ สิทธิพิเศษ และก็ความขาดแคลน ถึงแม้ผู้ชมบางบุคคลบางทีอาจพบว่าธีมพวกนี้สิ่งที่เป็นนามธรรมหรือเข้าถึงได้ยากกว่าเมื่อเทียบกับภาคแรก
ความร้ายแรงรวมทั้งเลือดสาด: ภาคต่อเพิ่มความร้ายแรงรวมทั้งภาพที่น่ากังวล
โดยย้ำไปที่ประเด็นสยองขวัญของซีรีส์มากยิ่งขึ้น ลักษณะกราฟิกของฉากบางฉากอาจจะเป็นผลให้ผู้ชมรู้สึกกลุ้มอกกลุ้มใจ แม้กระทั้งคนที่รู้จักดีกับความทารุณของภาคแรก นักวิพากษ์วิจารณ์มีความคิดเห็นแตกต่างว่าระดับความร้ายแรงนี้จำเป็นต้องไหมจำเป็นต้อง แม้ว่าจะไม่เป็นผลดีต่อภาพยนตร์ก็ตาม
ส่วนประกอบการเล่าเรื่อง: ส่วนประกอบที่น่าดึงดูดอย่างหนึ่งใน เดอะ แพลตฟอร์ม 2 The Platform 2 (2024) เป็นความอุตสาหะที่จะสร้างปัญหาจากภาพยนตร์เรื่องแรกโดยเผยเสริมเติมเกี่ยวกับระบบแล้วก็โลกข้างนอกคุกแนวดิ่ง ถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องแรกจะปลดปล่อยให้จินตนาการพาไป แต่ว่าภาคต่อกลับพรีเซนเทชั่นบริบทที่กว้างขึ้นซึ่งขยายกฎที่ต้องปฏิบัติตามของสังคมดิสโทเปียนี้ อย่างไรก็แล้วแต่ บางบุคคลคิดว่าการเปิดเผยกลุ่มนี้ทำให้ความกำกวมที่น่าสยดสยองซึ่งทำให้ภาพยนตร์เรื่องแรกทำให้เกิดผลเสียลดลง ยิ่งภาพยนตร์ชี้แจงมากมายมากแค่ไหน แพลตฟอร์มก็ยิ่งลึกลับและก็น่าสยดสยองลดลงเพียงแค่นั้น
ส่วนประกอบใหม่: การเสนอแนะระดับใหม่ในส่วนประกอบแพลตฟอร์มแล้วก็ความท้าใหม่สำหรับผู้ต้องขังช่วยทำให้ปรับปรุงแนวความคิด หากว่าบางครั้งบางคราวจะรู้สึกเสมือนเป็นการทำอีกครั้งแนวความคิดเดิมก็ตาม นอกจากนั้นยังมีพลังอำนาจใหม่ๆที่เกิดขึ้น โดยชั้นบางชั้นมีสิทธิพิเศษหรือกลอุบายการเอาชีวิตรอดใหม่ๆซึ่งเพิ่มความสลับซับซ้อนให้กับเรื่องราว ภาคต่อยัขี้ตระหนี่ล่าวถึงหัวข้อการกบฏแล้วก็การต้านทาน ทำให้ผู้ต้องขังมีอิสระมากเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับภาคแรก ซึ่งย้ำไปที่การเอาชีวิตรอดของแต่ละบุคคล
การแสดง: ดาราแสดงได้อย่างเข้มข้น
โดยคนไม่ใช่น้อยสวมบทบาทเป็นตัวละครที่ถูกสนับสนุนจนกระทั่งจุดสุดยอด ทั้งยังทางจิตรวมทั้งร่างกาย การแสดงที่สะดุดตาช่วยถ่ายทอดขณะที่ไม่ค่อยดีนักของเรื่องราวได้ โดยผู้แสดงบางตัวสามารถกระตุ้นความเห็นใจได้ แม้การปฏิบัติของพวกเขาจะไม่ชัดแจ้งในด้านจริยธรรมก็ตาม แม้กระนั้น การเน้นไปที่การเอาชีวิตรอดรวมทั้งเหตุการณ์สุดขั้วของภาพยนตร์มักทำให้มีพื้นที่สำหรับในการปรับปรุงนักแสดงให้ละเอียดอ่อนไม่เท่าไรนัก
ตอนสุดท้าย: ตอนสุดท้ายนั้นมีความบาดหมาง ในระหว่างที่บางบุคคลบางทีอาจชอบพอความกำกวมและก็ลักษณะปลายเปิดของประเด็นนี้ ผู้อื่นบางทีอาจรู้สึกไม่สบอารมณ์กับการที่ไม่มีข้อสรุป ตอนสุดท้ายทำให้มีการเกิดปัญหามากยิ่งกว่าคำตอบ ก่อให้เกิดช่องว่างในการแปลความหมายแล้วก็การคุย แม้กระนั้นอาจจะส่งผลให้คนที่อยากได้การแก้ไขปัญหาที่กระจ่างเพิ่มขึ้นรู้สึกรำคาญได้
ผลสรุป: เดอะ แพลตฟอร์ม 2 The Platform 2 (2024) สามารถขยายความโลกดิสโทเปียที่ผลิตขึ้นในภาคแรกได้ โดยเสนอการสำรวจธีมต่างๆที่สลับซับซ้อนแล้วก็แจ่มแจ้งเพิ่มขึ้น สำหรับแฟนคลับของหนังสยองขวัญเชิงเทียบที่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับสังคม หนังหัวข้อนี้สามารถถ่ายทอดสิ่งที่หนังภาคแรกเคยสร้างมาเจริญ ถึงแม้หนังหัวข้อนี้บางทีอาจไม่มีสมองประดิษฐ์ในระดับเดียวกันก็ตาม การเน้นไปที่ความร้ายแรงเพิ่มมากขึ้นรวมทั้งความพากเพียรที่จะชี้แจงกลไกของแพลตฟอร์มเยอะขึ้นเรื่อยๆอาจจะก่อให้ผู้ชมแตกสามัคคีกัน แม้กระนั้นบรรยากาศที่เข้มข้นแล้วก็พื้นฐานทางปรัชญาของหนังหัวข้อนี้ยังคงเป็นข้อดีที่สุด